วิธีจีบสาวขั้น 5: เตรียมพร้อมเป็นแฟน

เขียนเมื่อ 4 ก.พ. 2007
© 2007 Vowpailin Chovichien. All rights reserved.
ต้องขออนุญาตเป็น lawyer จั่วหัวแบบนี้หน่อยนะฮะ เพราะรู้สึกว่าบล็อคจะโดนก็อปไปโพสท์ตามบล็อคและเว็บบอร์ดต่างๆ (แม้กระทั่วเว็บบอร์ของ วินทร์ เลียววาริณ!) โดยไม่ได้ให้เครดิตกันหน่อยเล้ย เออ วิธีจีบสาวนี่กว่าจะคิดได้ ต้องผ่านการทดสอบกับหนุ่มๆ มานับร้อยๆ รายนะเฟ้ย ไม่ใช่งานง่ายๆ เล่นๆ (…เหอๆๆ เดี๋ยวนี้เจ้าของบล็อคอยู่ London School of Evils ..เอ๊ย! Economics แล้ว จะต้องมีการเก็ยสถิติอย่างเป็นทางการ จะมาวิจัยมั่วแบบแบรนด์ซุปไก่ไม่ได้แล้ว)
โอ้โห ห่างเหินมานับแรมปี ขนาด Harry Potter จะออกเล่ม 7 อยู่แล้ว วิธีจีบสาวยังอยู่แค่ขั้น 4 อยู่เลย เอาล่ะครับ ของดีต้องรอนานๆ ว่าแต่หนุ่มๆแถวนี้เนี่ยจีบสาวกันถึงขั้นไหนกันแล้ว ครูสอน advance ไปหน่อยรึเปล่าคะ เด็กๆ…
โอเค๊…เริ่มได้ สำหรับวิธีจีบสาวขั้น 5 นี้ใช้ชื่อว่า “เตรียมพร้อมเป็นแฟน” แปลว่า คุณได้บอกรักไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แล้วเธอก็ชอบคุณ อาจจะรักคุณด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เธอก็กับคุณคบกันในแบบที่ “ใครต่อใคร” ก็เอาไปเม้าท์ว่าคุณสองคนเป็นแฟนกันแล้ว…แต่ว่า ยังไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะสิ
อ้าว ทำไมล่ะ
ก็….
แต่ปัญหามันอยู่ที่ “ข้อตกลงอย่างเป็นทางการ” นั่นเอง ภาษานักกฎหมายจะเรียกมุมมองนี้ว่า formalistic approach เพราะแม้การกระทำทุกอย่างของเธอกับคุณจะราวกับเป็นแฟนกันแล้ว (เจอกันแทบทุกวัน, กินข้าว ดูหนังด้วยกันสองต่อสองตลอดเวลา, คุยโทรศัพท์วันละสามชั่วโมง, มีการบอกคิดถึงกันก่อนนอน, หรือแม้กระทั่งบอกรัก) แต่ในเมื่อยังไม่มีการตกลงว่า “ชั้นเป็นแฟนกับเธอนะ” มันก็เหมือนกับว่า ยังไม่ได้เป็น อยู่ดี คือทั้งสองฝ่ายยังไม่มี commitment ต่อกัน  สำหรับคนบางคนอาจจะคิดว่าพอแล้ว แต่สำหรับหลายๆคนอาจจะคิดว่าวิธีนี้ไม่ secure กับคุณเลย แม้ว่าคุณรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่คุณก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะทำอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หรือเธออาจจะเปลี่ยนใจ….
ทำไมเธอถึงยังไม่พร้อมตกลงเป็นแฟนกับคุณซักกะที….
อ้าว ….. ทำไมล่ะ!!
โอ้ มีเหตุผลมากมายล้านแปดประการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอ ปัจจัยต่างๆ เช่น
1. ปัญหาที่อยู่เหนือการควบคุม (แต่คุณแก้มันได้!)
1.1 ไม่มั่นใจในตัวคุณ 100%
สาวอายุมากขึ้น ประสบการณ์ (จำนวนแฟนที่เคยคบ) มากขึ้น ก็จะยิ่งยากที่จะตกลงกับคุณ ทำไมน่ะเหรอ ก็พวกเธอเจอมาเยอะ เข็ดแล้วล่ะสิ เธอเหล่านี้จะไม่เหมือนเด็ก ม.ต้นที่จะตบปากรับคำกับคุณง่ายดายเพียงแค่คุณหน้าตาหล่อเหมือนนักร้องบอย แบนด์ญี่ปุ่น อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเธอจะคิดถึงอนาคตนั่นเอง พูดง่ายๆคือ เธอจะคิดว่า ถ้าเธอแต่งงานกับคุณแล้วเนี่ย มันจะเวิร์ครึเปล่า จ๊ากกกกก คิดการณ์ไกลอะไรจะขนาดนั้น แหม่ ผู้หญิงเมื่อถึงวัยหนึ่งเขาเริ่มคิดจริงๆนะ…ไม่มีสูตรตายตัวว่าสาวอายุ เท่าไหร่ถึงจะเริ่มคิด แต่อย่างน้อยเมื่อจบมหาลัย เธอเหล่านั้นก็เริ่มคิดบ้างไม่มากก็น้อย ไม่คบใคร ตอบตกลงใครมั่วซั่วเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว (นอกจากจะอารมณ์พาไป :D) ว่ากันว่า ยิ่งอายุและประสบการณ์เพิ่มขึ้น ทำให้การตกลงเป็นแฟนกับใครสักคน นี่อย่างกับคิดจะ “หมั้นหมาย” กันเลยทีเดียว ลองคิดดูสิ หากสาวเจ้าอายุ 24 แล้ว คุณเธอมองว่าอีก 2-3 ปีคุณเธอก็อาจจะต้องแต่งงาน ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้าคบไอ้บ้าที่ไหนก็ได้ไปเป็นแฟนซะตั้งแต่ตอนนี้ เสียเวลาไปอีกปีครึ่ง/หนุ่มหนึ่งคน โอกาสขึ้นคานมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิคะคุณขา....ดัง นั้น คุณจะต้องเพิ่มความมั่นใจให้กับเธอ ว่าคุณจริงจังกับเธอจริงๆ ไม่ได้คบเธอเล่นๆ หรือมองอะไรใน short term เท่านั้น และหากเธอมองว่าคุณยังเด็ก คุณยังไม่โตพอที่จะรับผิดชอบตัวเธอได้ ลองอ่าน “วิธีจีบสาวรุ่นพี่” ดูเล่นๆ หน่อยละกันนะฮะ (กำลังมา)
ส่วนอีกปัญหานึง ที่แก้ยากยิ่งกว่า คือ คุณเป็นสเปคของเธอ 99% อีก 1% ไม่ใช่! หากเป็นอย่างนั้นแล้ว เธอจะคอยบอกกับตัวเองว่า “อีกหน่อยเจอคนที่ใช่กว่านี้” ทำไงล่ะครับ วิธีที่ทำได้หนึ่งในไม่กี่วิธี คือพิสูจน์ “ความดี” ของคุณ  ผู้ชายชอบบอกกับตัวเองว่า “ผู้หญิงสมัยนี้ชอบแต่ผู้ชายเลวๆ” เหอๆ จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก เธอชอบผู้ชายที่ “ไม่น่าเบื่อ” ต่างหาก ซึ่งถ้าคุณสามารถทำให้คุณทั้ง “ไม่น่าเบื่อ” ทั้ง “นิสัยดี” สามารถดูแลเทคแคร์เธอได้ไปตลอด นี่แหละ..ใช่เลย
“ดี” ในที่นี้คือดียังไง? ดูแลเธอนะครับ….ไม่ใช่ “ตามแจ” แต่ในขณะเดียวกัน ก็อนุญาตให้คุณแกล้งทำให้เธอหึงได้ (แบบอินโนเซ้นต์ๆ) เป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นต่อมความอยากเป็นแฟนกับคุณซะสิ้นเรื่องสิ้นราวให้เร็วๆขึ้น แกล้ง ให้หึงแบบอินโนเซ้นต์…เช่น การช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงของคุณ ยังแสดงถึงน้ำใจในตัวคุณอีก ผับผ่าสิ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหนึ่งตัว ได้เป็ดอีกหนึ่งตัว
1.2 ช่องว่างหลังระยะเวลาอกหัก
หากเธอเพิ่งเลิกกับแฟน แนวโน้มที่จะมาคบกับคุณทันทีนั้นขึ้นอยู่กับ 1. เลิกเพราะอะไร 2. ใครเป็นฝ่ายบอกเลิก
หากการเลิกเป็นการเลิกแบบแตกหัก โดยที่เธอเป็นฝ่าย โดนทิ้ง เธอก็อาจจะกลายเป็นคนหวาดระแวงไปเลย ไม่กล้าคบผู้ชายคนไหนอีกง่ายๆ แล้ว เธอจะต้องมั่นใจก่อนเท่านั้นว่าเขาจะไม่ทิ้งเธออีก (1.1 ด้านบน)
แต่ถ้าเธอเป็นฝ่ายทิ้งเขา (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากเรื่อง “เขาไม่ใช่….”) เธออาจจะมาคบกับคุณง่ายดายกว่าประเภทแรก แต่ก็ต้องระวังเอาไว้ว่า คุณเองก็อาจจะกลายเป็นคนที่ “ไม่ใช่” สำหรับเธออย่างง่ายๆ ได้เหมือนกัน เนื่องจากเธอผู้นี้ตกอยุ่ในหมวดหมู่ของสาวที่เราเรียกกันว่า Perfectionist
tips – วิธีจัดการกับ Perfectionist แบบย่อๆ 2 ข้อจบ:
1) ห้ามถามเธอว่าชอบคุณตรงไหน คุณน่ารักมั้ย คุณดีกับเธอพอมั้ย เพราะถ้าเธอตอบไม่ได้ เธอจะนำมันมาคิด…และจำใส่หัว…และ..เติมคำตอบให้กับช่องว่างในสมองของตัว เองว่า “นั่นสินะ เค้าไม่ใช่แบบที่เราชอบเลยนี่นา”
2) อย่าสร้างปัญหาให้กับเธอ ถ้าชีวิตปัจจุบันเธอมีความสุขอยู่แล้ว มีชีวิตการเรียนการงานแฮปปี้อยู่กับเพื่อนฝูงและครอบครัว  แต่พอมีคุณเข้ามา เธอกลับวุ่นวาย ต้องคุยโทรสับ ไปเดท กินข้าวดูหนังกันจนตังค์หมด สอบตก ไม่มีชีวิตเป็นส่วนตัว แบบนี้เธอก็จะเริ่มมานั่งคิด “ชั่งน้ำหนัก” ความคุ้มของการมีแฟน (cost-benefit analysis) แล้วถ้า benefit ที่เธอได้มันไม่ได้มากพอ i.e. คุณไม่ได้เป็นแบบที่เธอต้องการซะทีเดียว ล่ะก็…เธออาจจะคิดว่า ไม่มีแฟนซะจะดีกว่า
สั้นๆ ง่ายๆ แต่สำคัญมาก เพราะ Perfectionist ก็คือ Perfectionist และยากที่จะเปลี่ยน
1.3 ช่องว่างระหว่างเธอกับคุณ
หากคุณกับเธอเจอกันทุกวัน เช่น อยู่ที่ทำงานเดียวกัน จะบอกได้เลยว่ามันคือข้อเสีย (ในกรณีที่เธอหลงรักคุณเข้าแล้วอย่างจัง) …อ้าวววว…ทำไมล่ะ!! เพราะคุณจะกลายเป็นของตายน่ะสิ dude...เป็น แฟนก็ได้ ไม่เป็นแฟนก็ได้ ได้เจอกันทุกวัน แถมคุณยังตามมาเทคแคร์ทุกวันอีกต่างหากกกกก อ้าว! แก้ยังไงล่ะเนี่ย.. เพราะถ้าห่างออกมาเธอก็จะหาว่าหมดใจอีก วิธีแก้ก็คือแกล้งทำให้เธอหึงในขณะที่ยังดูแลเธอไม่ต่างจากเดิม แกล้งทำให้หึงโดยการไปช่วยเหลือสาวอื่นให้เธอเห็น เธอก็จะทำตัวหึงหวงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณทันที ทำให้ขั้นตอนการตื๊อให้เธอรีบตอบตกลงนั้นง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน การแกล้งให้หึงบ่อยๆก็มีข้อเสียเพราะเธอจะคิดว่าคุณเป็นคนเจ้าชู้  และในขณะเดียวกัน “ช่องว่าง” นี้ก็จะต้องไปกว้างซะจนเกินไป เพราะถ้ามันกว้างเกินไปล่ะก็ เธออาจจะลืมคุณได้เข้าง่ายๆ เพราะการตอบตกลงเป็นแฟนนี้ หลายครั้งที่ “อารมณ์ที่พาไป” มีส่วนสำคัญเอามากๆ …การใกล้ชิด…ทำให้อารมณ์คนสองคนย่อมพาไปเสมอ
เอาล่ะ เราได้ดู ปัญหาที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ของคุณกันไปแล้วว่าอาจมีอะไรบ้าง ทีนี้มาป้องกัน ปัญหาที่คุณควบคุมได้ กันดีกว่า
2. ปัญหาที่ควบคุมได้: ตัวอย่างการกระทำอย่างไหนที่ ญ ไม่ชอบ
สถานการณ์…
2.1 ถ้าหญิงมองหน้าคุณ แล้วคุณถามว่า “อะไร” ทุกอย่างก็จบ
จะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ความโรแมนติกเป็นสิ่งสำคัญ คุณ ต้องหัดไว้ คุณจะหาเหตุผลอย่างเดียวไม่ได้ การมองตาของสาวเจ้าเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ ที่ต้องการเข้าสู่โหมดโรแมนติก ไม่ว่าคุณจะกำลังนั่งเนิร์ด (อ่านแคลคูลัส) หรือว่าดูบอลลิเวอร์พูล-แมนยู อยู่ก็ตาม หากเธอต้องการ romantic moment ณ ช่วงเวลานี้ (ใกล้จะเป็นแฟน) จงให้…!!!!!!!! ห้าม ปฏิเสธ!!!! ไม่ว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ก็ตาม จงลืมอารมณ์เนิร์ด ลืมเจอราด ลืมทุกอย่าง….และโฟกัสไปที่เธออย่างเดียว เพราะเธอกำลังต้องการ attention ท่องไว้..ไม่มีหญิงคนไหน ที่ต้องการให้คุณเห็นฟุตบอลหรือการบ้านสำคัญกว่าเธอ ถ้ารับไม่ได้ ก็มีสองทางเลือก 1) อย่ามีแฟนซะ หรือไม่ก็ 2) เสแสร้งไปสักระยะให้เธอตายใจก่อน พอเป็นแฟนค่อยปล่อยมันออกมา ฮ่าๆๆ..(น.ส.วาวไพลิน แห่งสถาบัน London School of Evils ค้นพบว่าผู้ชาย 99.99% เลือกข้อ 2. โดยไม่ต้องทำการวิจัยใดๆ)
2.2 ถ้าหญิงแอบจับมือคุณ (ทั้งๆที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน) แล้วคุณสะบัดออกพร้อมบอกกับว่า “เอ่อ เป็นแฟนกันก่อนดีมั้ย”
…เธอจะรู้สึกอายล้านแปดตลบและเลิกคิดจะทำอย่างงั้นกับคุณในที่สุด สุดท้ายคุณก็จะแห้วเอง (สมน้ำหน้ามากๆ)
แม้ว่าคุณจะศีลธรรมสูงส่งเพียงใด แต่ถ้าสถานการณ์พาไป คุณก็ต้องตามมันไปน่ะแหละ! เช่นเดียวกันกับข้อบน…” ห้ามทำลายความโรแมนติก “
ให้โรแมนติกสวีทๆกันไปก่อน เธอจะจับมือ จับหน้าอะไรคุณ ก็จงตอบสนองเธอซะ ฮั่นแน่…หลายคนเริ่มคิดไปไกล!!! เฮ้ย อย่าเชียวนะ ไม่ได้บอกว่าให้ทำอะไรอย่างนั้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเลยเถิดไปแล้วล่ะก็ คุณก็จะแห้วได้เหมือนกัน คงไม่ต้องอธิบายก็น่าจะเข้าใจว่าทำไม คือ either เธอร้องกรี๊ดขึ้นมา และตบหน้าคุณเข้าผัวะ! หรือไม่ถ้าเธอมีความ..เอ่อ…แรด..เป็นทุนเดิมอยู่ แล้ว คุณก็จะเสียท่าให้เธอ กลายเป็นเพียงแค่กิ๊ก ที่ผูกพันกันทางกาย แต่ไม่ใช่ทางจิตใจ เนื่องจาก ณ ตอนนี้คุณยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย อย่าลืม (ฮ่า แต่คิดๆดูแล้วหลายคนก็อยากได้อย่างหลังใช่มั้ยล่า…แหม่ โอกาสน้อยน่ะน้อย.. เฮ้ย เป็นไรเนี่ย เริ่มติดเรทแล้วคอลัมน์อันอินโนเซ้นต์ของเรา)
ดังนั้นผมจะทำไงดีล่ะคับพี่…++ โธ่น้อง เอาเป็นว่า ดูปฏิกิริยาเธอแล้วใช้วิจารณญาณเอาเองละกันน้อ ภาคปฏิบัติพี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อ่ะ หรือไม่ถ้า desparate จริงๆก็เอาเบอร์พี่ไป แอบโทรหาเวลาทำอะไรไม่ถูกก็ละกัน -_-”
2.3 ถ้าหญิงพูดถึงแฟนเก่า จงอย่าหึงแบบรุนแรง
เพราะถ้าคุณหึง ไม่ว่าจะเป็นประเภทเขวี้ยงข้าวของในบ้าน หรืองอนตะลุบตุ๊บป่องๆๆ ก็ตาม ทั้งๆที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน คุณก็จะโดนมองว่าใจแคบ
ณ เวลานี้จงทำตัวเป็นพ่อพระให้มากที่สุด เป็นคนดี considerate จนน่าเป็นแฟนด้วยอย่างยิ่ง มี หวงบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับน่ารำคาญ นั่นแหละๆ รู้ว่าไม่ง่าย แต่ก็ทนๆไปหน่อยน่า…สักระยะ เดี๋ยวจะดีเอง เป็นแฟนแล้วจะให้หึงได้เต็มที่เลยเอ้า!
…อ่อ เตือนเอาไว้ว่า ในกรณีนี้ยังแปลได้ว่า เธอยังไม่ลืมแฟนเก่า เวลาที่เธอพูดมา ก็ให้คุณแกล้งทำเป็นหูทวนลมได้หากสามารถ คือเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะยิ่งคุณเท้าความเรื่องแฟนเก่ากับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งระลึกถึงเขามากขึ้นเท่านั้น ถ้าสองคนนี้จากกันด้วยดีล่ะก็…เธอจะนำเขามาเปรียบเทียบกับคุณ แล้วคุณก็จะลำบาก..นะจ๊ะ…
2.4 จงหวานกับเธอ ราวกับว่าเป็นแฟนกันแล้ว แต่ห้าม pressure เธอมากจนเกินไป
ฝากไว้เป็นข้อสุดท้าย ระยะนี้ คุณไม่ใช่เพื่อน คุณไม่ใช่แฟน คุณกำลังจะเปลี่ยนสถานะ คุณต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยการเสมอต้นเสมอปลาย อย่างที่บอกผ่านๆมา แล้วเมื่อถึงโอกาส ช่วงที่กำลังสนุกสนาน ช่วงที่กำลังผ่อนคลาย คุณกำลังหัวเราะเฮฮามีความสุข นั่งดูหนังโรแมนติกคอเมดี้กุ๊กกิ๊กกันอยู่บนโซฟา ลองเอ่ยปากถามเธอขึ้นมาลอยๆ สักครั้งหนึ่ง ทีเล่นทีจริง ห้าม pressure ว่า
“ถ้ามีเพื่อนมาถามว่า ฝ้ายเป็นใคร จะให้เราตอบไปว่าอะไรดีนะ…”
(แหม สวีทแบบนี้ไม่ได้คิดเองหรอกน่า หุหุ..)
ทีนี้ก็จะได้เป็นแฟนกันซะทีนะ…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *