วิธีจีบสาวขั้น 2

เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2005

เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ตกม้าตายตั้งแต่ขั้นที่ 1 ก็ให้ต่อขั้น 2 ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าผ่านขั้นแรกก่อนจริงๆนะ ซึ่งสำหรับบางคนที่หลงตัวเอง…แนะนำให้ไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนว่ะ ถึงแม้เพื่อนดีๆ ของเรามันจะโกหกเพื่อปลอบใจเราบ้าง แต่เพื่อนปากหมาหลายๆคนมันก็สามารถด่าได้ตรงใจดี ถ้าโดนด่าเกิน 30% แล้วล่ะก็..มั่นใจได้ว่าเอ็งแห้วชัวร์..

เอาเป็นว่าคุณผ่านขั้นแรกแล้วก็แล้วกัน ขั้นต่อไปก็คือการสานต่อมิตรภาพที่ดี กรณีนี้คือ เหตุการณ์เมื่อเธอ ไม่ได้ปฏิเสธ (ได้ผ่านขั้นแรก) แต่ก็ไม่ได้ชอบเราเสียทีเดียว (ยังไม่ถึงขั้นสาม) เพราะมันคือช่วงวิกฤต..หัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็น วัยรุ่นไม่ควรไปบังคับพวกเขาฉันใด หนุ่มๆทั้งหลายก็ไม่ควรจะไปบังคับสาวๆฉันนั้น ดังนั้นจงอย่ารีบร้อนเค้นเอา คำตอบโดยเด็ดขาด

ไอ้ประเภทจีบยังไม่ทันผ่านขั้นพื้นฐานแล้วไปบอกรักเค้า แถมยังคะยั้นคะยอให้เค้า say yes/no ทันทีอีกเนี่ย แห้วแหลกคับขอบอก…!

ก็ผู้หญิงเค้าทันตั้งตัวที่ไหนเล่า…มันต้องอาศัยเวลากันบ้าง (โดยเฉพาะกับผู้หญิงบางคนที่เป็นประเภท คิดนานมากกกกกกกกกกกก – ใครๆก็ว่าอนาคตคานทองนิเวศอะไรประมาณนั้น)

เอาล่ะ อะแฮ่ม! …อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้ว หลักการขั้นต่อไปมันก็มีอยู่ว่า “จีบเค้า..แบบให้เค้าคิดว่า..เค้า ก็กำลังจีบเรา” งงมะ เอาเถอะ assume ว่าไม่งง ถามว่าทำไมต้องเป็น แบบนี้? จิตวิทยาของมนุษย์เราคือต้องการการเอาชนะ อะไรที่ได้มาง่ายๆน่ะ ยากนักที่จะเห็นค่าของมัน แม้แต่กับเพศหญิงซึ่งแม้จะดูอ่อนแอกว่าเพศชายก็ตามเถอะ พวกสาวๆเหล่านี้ก็มีสัญชาตญาณการต้องการเอาชนะอยู่เหมือนกัน กับหนุ่มที่มาตามจีบเธอเป็นปี เธอก็มักจะมองเป็นของตายอยู่แล้ว และจะเอาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นการแสดงออก อะไรที่มันมากเกินไป (หรือศัพท์ชาวบ้านคือ การทุ่มเทให้เธอหมดหัวจาย..) นั้นยังไม่เวิร์คสำหรับสถานการณ์นี้ (ที่เธอก็ยังไม่ได้ชอบคุณเลย) แน่ แล้วจะทำไงดีล่ะ…

1.คุยโทรศัพท์แต่พอประมาณ – เข้าใจว่าโทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญในโลกปัจจุบัน แต่ไอ้ประเภทโทรไปวันละ 5 รอบโดยไม่มีเหตุอันควรเนี่ย เดี้ยงไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่พวกที่โทรวันละรอบเนี่ย ก็กรุณาจำใส่ใจไว้ว่า

1.1 กรุณาอย่าโทรไปซ้ำๆเวลาเดิมของทุกวัน เช่น 4 ทุ่ม เพราะ…1.มันน่าเบื่อ 2.มันดูเหมือนเป็นหน้าที่มากเกินไป 3.เมื่อเค้ารู้ว่าคุณยังไงก็ต้องโทรมา เค้าก็จะไม่มีวันโทรหาคุณเลย …แล้วไงน่ะเหรอ? ความสัมพันธ์ของคุณก็จะกลายเป็น “คุณจีบ/เค้าถูกจีบ” ไม่ใช่ “การจีบกัน” น่ะสิ

1.2 อย่าโทรนานและให้วางหูในช่วงที่เธอกำลังสนุกกับการคุยอยู่ เพราะอะไร..1.เธอจะได้ไม่เบื่อคุณ 2.ถึงแม้เธอไม่เบื่อคุณ แต่คุณและเธอก็จะหมดเรื่องคุย ทำให้การสนทนากันกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อไปในที่สุด 3.ทำให้เธอรู้สึกอยากให้คุณโทรมาเพื่อคุยอีก 4.และบางทีเธอเองก็อาจเป็นฝ่ายกดโทรศัพท์โทรกลับไปหาคุณบ้าง …คำแนะนำก็คือการคุยโทรศัพท์แต่ละครั้งไม่ควรจะนานเกิน 30 นาที เพราะหากนานเกินนั้น แม้จะคุ้มค่าโปรโมชั่น แต่ก็ไม่เวิร์คเท่าให้เธอโทรกลับ เพราะเธอจ่าย (เอ่อ ..อันนี้ล้อเล่น)

แต่ไอ้ประเภทโทร 2-3 ชั่วโมงแล้วไม่ยอมวางในขณะที่สาวเจ้าได้แต่ “เออ.. ออ.. ค่ะพี่… ค่ะ.. อาค่ะ…” อะไรแบบเนี้ยเนี่ย สายที่หลุดไปบางทีอาจจะไม่ได้เกิดจากการแบตหมดก็ได้ 😀

1.3 หัดใช้สื่อกลางในการสื่อสารที่เรียกว่า Internet เพราะ อย่างน้อยการที่ไม่ต้อง concentrate กับการคุยกับคุณอย่างเต็มที่เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงอันน่าอึดอัดใจ ก็ทำให้เค้าไม่รู้สึกเบื่อ และยังจะทำให้คุณได้คุยกับเขานานขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การสื่อสารทาง MSN มันไม่ได้บ่งบอกถึงการจีบ และจากผลการวิจัยของคิงส์คอลเลจ (โดย น.ส.วาวไพลิน)..ก็พบว่า คนเรามักจะพูดความในใจออกมากันมากกว่าในเน็ตเมื่อเทียบกับการอยู่ต่อ หน้า (กรุณาสังเกตว่ามีหลายคู่บอกชอบกันใน MSN หรืออย่างน้อยก็สารภาพกับเพื่อนว่า แอบชอบคนนั้นอยู่ คนนี้อยู่ และบอกความลับสุดยอดกันอยู่เรื่อยๆ แหะ แหะ…)

2.กรุณาทำตัวน่าสงสัย น่าสงสัยในกรณีนี้หมายความว่า ให้เค้าคิดสงสัยบ้างว่า “อ๊ะ..พี่เค้าชอบเราป่าวนะ” (ไม่ใช่ประเภท “พี่เค้าเป็นเกย์รึเปล่า” นะเฟ้ย) เช่น บางวันก็หายไป ให้เค้าแอบเป็นห่วงบ้าง ฯลฯ ให้เขารู้สึกว่า..คุณมีอะไรน่าค้นหาบ้าง และให้เพื่อนๆของเค้าและเพื่อนของคุณสงสัยเช่นกัน ไม่ใช่ประกาศกร้าวว่า ผมจีบน้องเค้าอยู่ (ไม่นับการบอกเพื่อนสนิทมิตรสหายเพื่อให้ช่วยหลีกทางนะ ประกาศกร้าวในที่นี้หมายความว่า “ชาวบ้านเค้ารู้กันทั่วคณะ”!) เพราะสิ่งที่จะตามมาจากการประกาศกร้าวครั้งนี้ก็คือ

2.1 เสียงวี๊ดวิ่วจากเพื่อนฝูง “พี่เค้ามาตามถึงคณะ เชียวนะแก แหม..ถ้าหล่อกว่านี้ก็ดีสิ” (ประโยคข้างท้ายเสียหายหนักมาก!)..หากเป็นเพื่อนของฝ่ายหญิงเองแล้ว เธออาจจะอายจนไม่กล้าไปไหนสองต่อสองกับคุณเลยก็ได้ แต่เสียงวี๊ดวิ่วนี่อาจมีได้บ้าง แต่ให้เป็นการพูดถึงทั้งสองฝ่ายเช่น “แหม..ใจตรงกันอีกแล้วนะ” ซึ่งจะเป็นการส่งผลกระทบในแง่บวก เป็นการกระตุ้นให้เขาอยากจะค้นหาอะไรในตัวคุณเพิ่มขึ้น แต่เผอิญว่าเสียงวี๊ดวิ่วแบบหลังนี่มันจะเกิดได้ยากน่ะสิในกรณีที่เค้ายัง ไม่ได้ชอบคุณสักกะหน่อย (แค่ไม่ถีบต่อยให้กระเด็นไปเท่านั้น)

2.2 ความรู้สึกว่าคุณเป็นของตาย อันนี้ได้กราบเรียน ท่านผู้ชมที่เคารพมาตั้งแต่จั่วหัวเรื่องแล้ว ว่ามันหมายถึง คุณกำลังถือไพ่รองอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆที่ซุเปอร์ฮอต มีหนุ่มรายล้อมมากมาย ของตายจะมีหลายตัว ก็ได้แต่รอเวลาว่าตัวไหนจะเน่าสลายไปก่อนกันน่ะแหละ…

การให้เค้าสงสัยเนี่ยแหละ ก็จะนำมาซึ่งการอยากเอาชนะ นั่นเอง…
“เอ…พี่เค้าชอบเราป่าวหว่า.. อืม ถ้าชอบล่ะ…จะเอาดีมั้ยน้า..อิอิ หน้าตาก็โอเคนะ อย่างงี้ก็ต้องอ่อยๆไว้บ้าง คิคิ..”
ไม่ใช่: “โอ๊ย พี่เค้าไปประกาศทั่วมหาลัยเลยวุ้ยว่าจีบชั้นอยู่ ตายแน่ๆจะหลบหน้าไงดี”

3.แต่ก็อย่าปล่อยปะละเลยจนเป็นเวลานานเกินควร หากคุณ จีบขั้นที่ 2 มาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว และเค้าก็ยอมที่จะไปไหนมาไหนกับคุณ คุยโทรศัพท์กับคุณ โทรหาคุณบ้างเป็นครั้งคราว แล้วล่ะก็ จงเลื่อนไปขั้นที่ 3 ซึ่งจะเขียนต่อจากนี้ได้แล้ว ..การปล่อยไว้นานเกินจะน่าเบื่อ จืด ชืด ไร้รสชาติ และอาจโดนคาบไปแDกได้ง่ายๆ แล้วจะหาว่า ไม่เตือน..


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *