10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไป! (ลิสต์ส่วนตัว)

IMG_2518

แม้ว่าผู้เขียนจะมีประสบการณ์ไปมาเพียงแค่เสี้ยวเดียวของโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ แต่ก็เกิดความรู้สึกว่า อยากจะเล่าเรื่องราวสถานที่ที่ประทับใจเพื่อแบ่งปันให้หลายคนได้อ่านกัน จึงเกิดเป็นความคิดที่จะเขียนเกี่ยวกับ “สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไป! (ลิสต์ส่วนตัว)”

อย่างที่กล่าวไปแล้ว การจัดลิสต์ครั้งนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ และแน่นอนว่าต้องจัดมาจากสถานที่เคยไปมาแล้วเท่านั้น (ซึ่งคงจะมีสถานที่ที่น่าไปอีกนับไม่ถ้วนในโลกใบนี้ที่ไม่อยู่ในลิสต์เพราะไม่เคยไป) ลิสต์นี้อาจจะถูกใจใคร หรือไม่ถูกใจใครก็ได้ แต่เป็นที่ซึ่งผู้เขียนชื่นชอบ และอยากให้ผู้อ่านได้ไปสัมผัสสถานที่เหล่านี้บ้างเช่นกัน

10. Petra ประเทศจอร์แดน 

IMG_8313

Petra คือผลิตผลจากอารยธรรมโบราณตั้งแต่เมื่อเกือบ 3,000 ปีก่อน ที่หาสิ่งก่อสร้างใดในโลกเทียบเคียงยาก ความสนุกของการไปจอร์แดน คือ จอร์แดนเป็นประเทศตะวันออกกลางที่ผู้คน friendly มาก เนื่องจากจอร์แดนไม่มีน้ำมัน ราว ๆ 20% ของ GDP ของจอร์แดน คือ รายได้จากการท่องเที่ยว นอกจาก Petra แล้ว อีกที่หนึ่งที่น่าตื่นเต้นในจอร์แดน คือ Dead Sea หรือทะเลสาบน้ำเค็มที่เค็มเกือบที่สุดในโลก ไปอยู่ในน้ำแล้วจะลอยได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่คำเตือน คือ ร้อนตับแตกมาก อุณหภูมิที่แถว ๆ Dead Sea นั้นร้อนกว่า 50 องศา (ส่วนอื่นในจอร์แดนน่าจะราว ๆ 30 ปลาย ๆ เกือบ 40 ในตอนกลางวัน) ลงไปลอยในนั้นได้ 10 นาที ก็กระอักแล้ว (ร้อนตาย)

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2008

9. Bruges ประเทศเบลเยี่ยม

IMG_3563

หลายคนอาจจะมองว่าเบลเยี่ยมเป็นประเทศที่เงียบเหงา น่าเบื่อที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป แต่เป็นประเทศที่ผู้เขียนชอบมาก เนื่องจากอาหารอร่อยมากกกกก (ตั้งแต่หอยแมลงภู่ ช็อกโกแลต เบียร์ วาฟเฟิล หอยทาก ฯลฯ) และมีความน่ารักในความกระทัดรัดของมัน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของเบลเยี่ยมก็คงหนีไม่พ้น Bruges ที่มีคนให้ฉายาว่า Venice of the North เพราะด้วยความที่มีคลองหลายสายรอบเมือง Our Lady’s Church ใน Bruges ยังมีงานแกะสลัก Madonna and Child ผลงานของ Michelangeo (ที่ไม่ต้องไปปีนป่ายแย่งกับใครดูเหมือนในวาติกัน) ความสงบนี่แหละที่ทำให้หลงรัก Bruges และเบลเยี่ยมเข้าเลย

ความทรงจำ : คริสต์มาส ปี 2004 / คริสต์มาส ปี 2006

8. Tokyo ประเทศญี่ปุ่น

IMG_3542

ใคร ๆ ก็หลงรักญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความ unique สูงมากที่ยากจะมีใครเหมือนในโลก โตเกียวจึงมีเอกลักษณ์ของมันที่ต้องไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรม สิ่งของ หรือสิ่งก่อสร้างในญี่ปุ่นก็ล้วนแต่จะทำให้ทึ่งได้ตลอดเวลา ไม่น่าเชื่อว่าผู้คนวัยทำงานใส่สูทที่ดูเคร่งเครียดกับแหล่งรวมของ 18+ คือสิ่งที่ไปด้วยกัน ขนาดดีสนีย์ที่นี่ยังมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนดีสนีย์ที่ไหนในโลกเลย หลายคนมาโตเกียวครั้งแรกแล้วก็กลับมาที่นี่ได้อีกเรื่อย ๆ (หรือกระทั่งมาอยู่เลย) เพราะญี่ปุ่นมักมีอะไรใหม่ให้คุณได้ทึ่งเสมอ

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ 1996 / ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2009 / ฤดูร้อน ปี 2010 / ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2014

7. Highlands สก็อตแลนด์

IMG_4898

ถ้ากำลังมองหาทิวทัศน์แบบ Skyfall สไตล์ Highlands น่าจะเป็นคำตอบที่ดี Highlands คือ บริเวณที่ราบสูงตอนบนของสก็อตแลนด์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูง หุบเขา ทะเลสาบ น้ำตก สถานที่เที่ยวตามธรรมชาติ และปราสาทโบราณ Highlands มีความเป็นธรรมชาติในแบบที่น่าทึ่ง (นักท่องเที่ยวน้อยมากแม้ในฤดูท่องเที่ยว แทบทุกอย่างเป็นของเรา) ที่นี่ผู้เขียนได้มีทริปล่องเรือส่วนตัวออกไปดูแมวน้ำ มีแพะแกะเดินเพ่นพ่านไปมาตลอดทาง เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแล้วจริง ๆ อ้อ ที่นี่แทบจะไม่มี public transport หรือสัญญาณโทรศัพท์นะ แล้วก็ลืมช้อปปิ้งไปได้เลย

ความทรงจำ : ฤดูร้อน ปี 2014

6. Madrid ประเทศสเปน

bear monumentถึงคราวขุดกรุสมัยยังไม่มีกล้องดิจิตอลกันเลยทีเดียว หากจะมองหายุโรปที่แตกต่างไปซักนิด สเปนก็เป็นคำตอบที่ดี Madrid จริง ๆ แล้วเป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมสวยงามมาก แต่เต็มไปด้วยความสนุกสนานในแบบของชาวสแปนิช ที่จะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากยุโรปเหนือด้วยผู้คนที่เหมือนมาจากคนละทวีป หากอยากสัมผัสความ unique ของสเปน ก็อาจเดินทางออกนอก Madrid ไปยัง Seville ที่มีอารยธรรมแขกมัวร์ผสมผสานอยู่ในศิลปะ

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2000

5. London อังกฤษ

IMG_8456

ผู้เขียนไปลอนดอนครั้งแรกเมื่อปี 1999 และหลังจากที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปี ก็ยังไม่เคยมีอาการเบื่อลอนดอนและสักครั้งเดียว ลอนดอนคือการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และเทคโนโลยี ประเพณีเก่าแก่และความทันสมัย ทุกสิ่งที่เราอยากจะค้นหาก็สามารถพบเจอได้ที่เมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทเก่าแก่ โรงละคร คอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ สวนสาธารณะ ช้อปปิ้ง หรือบรรยากาศชิล ๆ ริมแม่น้ำเธมส์ เป็นเมืองที่สามารถอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือนโดยที่ไม่ต้องทำกิจกรรมซ้ำกันเลย ลอนดอนเป็นเมืองที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติศาสนา อังกฤษอาจจะไม่ได้สื่อออกมาด้วยลอนดอน แต่ลอนดอนคือผลผลิตจากแนวคิดและค่านิยมที่เปิดกว้างแบบอังกฤษ

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 1999 / ฤดูร้อน ปี 2001 – ฤดูใบไม้ร่วง 2007 / ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2011 / ฤดูร้อน ปี 2014

4. Greek Islands 

knock the door

เกาะในประเทศกรีซ (รวมทั้ง Santorini ที่โด่งดัง) มีเอกลักษณ์แห่งเมติเตอเรเนียนที่สุดยอดมาก ตัวบ้านจะทาสีไปในโทนเดียวกันราวกับเป็นตัวต่อเลโก้ เมื่อได้ไปยืนอยู่ที่ตรงนั้น ราวกับว่าเราเข้าไปอยู่ในเมืองที่ไม่มีอยู่จริง (แม้ว่าอากาศจะร้อนในตอนกลางวัน แต่ก็มีบรรยากาศสบาย ๆ โรแมนติกได้) นอกจากเกาะต่าง ๆ แล้ว กรีซยังเป็นประเทศที่มีอารยธรรมโบราณที่น่าค้นหามากมายทั้งในเอเธนส์และนอกเมืองเอเธนส์ เรียกได้ว่าเป็นทริปสุดประทับใจและอยากกลับไปอีกรอบ

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2000

3. Cappadocia ประเทศตุรกี

IMG_2263

Cappadocia เป็นชื่อแคว้นแต่โบราณซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าทึ่งด้วยภูมิประเทศที่ประกอบด้วยภูเขานับพันลูกที่มีรูปลักษณ์แหลม ๆ เต็มไปหมดทั้งอาณาบริเวณ รวมทั้งมีหินประหลาด บางอันก็เหมือนเห็ด บางอันก็เป็นรู ๆๆ amazing เป็นที่่สุด แถมในการไปเที่ยว เราก็สามารถเลือกอยู่ “ถ้ำ” ในภูเขาเหล่านี้ได้เช่นกัน ซึ่งผู้เขียนก็ไปอยู่มาแล้ว หนาวมาก ๆๆๆๆ ไฟก็มืดๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่สุดยอด

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2009

2. Pyramids ประเทศอียิปต์

IMG_5784

ปีระมิด คือที่สุดของการท่องเที่ยว! อาจจะไม่ใช่สิ่งที่สวยที่สุด สนุกที่สุด หรือโรแมนติกอะไรเลย แต่เป็นความน่าทึ่งที่ได้มาเห็นสิ่งมหัศจรรย์นี้อยู่ตรงหน้า ในรูปนั้นคือ step pyramid ที่มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ ยังมีปีระมิดที่ Giza ที่มีชื่อเสียงที่จะต้องไปให้ได้ (แนะนำให้ไปเช้า ๆ ก่อนทัวร์ลง) ทริปอียิปต์เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง และไม่แนะนำให้ไปกับทัวร์เด็ดขาด เพราะการไปกับทัวร์จะทำให้ขาดอรรถรสความสนุกของทริปนี้ นั่นคือ การผจญภัย ตั้งแต่การมาถึงสนามบินที่เหมือนสถานีรถทัวร์ การนอนบนรถไฟเพื่อไปโผล่ที่เมืองทางใต้ของอียิปต์ การหลบเลี่ยงการถูกหลอก / กลเม็ดโกงต่าง ๆ นักท่องเที่ยวผู้หญิงก็ต้องหนีผู้ชายที่จะเอาอูฐมาเสนอขอแต่งงาน ฯลฯ มันส์อย่าบอกใครแล้ว ไปครั้งเดียว แล้วไม่ต้องไปอีกเลย

ความทรงจำ : คริสต์มาส ปี 2005

1. Venice ประเทศอิตาลี

Image02

ทุกชีวิตในเมืองเวนิซล้อมรอบด้วยลำน้ำ การเดินทางของที่นี่คือการเดินเรือ มีสิ่งที่เรียกว่า “เรือเมล์” แทนรถเมล์ ตำรวจเวนิซมีเรือเป็นพาหนะ ในขณะเดียวกันสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงก็ทำให้ชาวเวนิซรู้สึกหวั่น ความงามของเวนิซ คือ ความ romantic ที่ผสมผสานกับ tragic ได้ในสถานที่เดียวกัน ทั้งสถาปัตยกรรมที่งามงดและแออัดกันอยู่ในเกาะแคบ ๆ แม่น้ำและการเดินเรือที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง ดนตรีและหน้ากาก คาร์นิวัลที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้คนไปแล้ว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เวนิซเป็นเมืองที่มีชีวิตทั้งสองด้าน และนี่เองคือเสน่ห์ของเวนิซที่ไม่เหมือนใครในโลก และเป็นสถานที่ในความทรงจำของผู้เขียนที่อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัส แม้ว่าเวนิซปัจจุบันจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมหาศาลและโรงแรมที่ราคาแพงหูฉี่ก็ตาม (รูปนี้ก็สมัยยังไม่มีกล้องดิจิตอลเช่นกัน)

ความทรงจำ : ฤดูใบไม้ผลิ ปี 2002

บทส่งท้าย

การจัดลิสต์ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย เพราะมีสถานที่ที่อยากจะใส่ลงไปในนี้อีกเยอะ (ทำใจอยู่นานที่ Prague หรือ Paris หายไปจากลิสต์นี้ หรือว่าไม่มีเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ หรือออสเตรเลียเลย ฯลฯ) และก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งในโลกที่เราเชื่อว่าคงจะน่าทึ่งมาก และจะเข้ามาอยู่ในลิสต์นี้ได้ในทันทีที่เราไปสัมผัสมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Easter Island ที่อยากไปเป็นที่สุด


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *